วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โลกร้อนต้นตอภัยพิบัติธรรมชาติ - โรคระบาด

อุณหภุมิโลกที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุให้ เกิดภัยธรรมชาติและโรคระบาดร้ายแรงในหลายประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ที่ประชุมในมาเลเซียหารือเพื่อลดผลกระทบ ได้ชี้แจงว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดดินถล่มเพิ่มมากขึ้นในเนปาส ไข้เลือดออกระบาดในอินโดนีเซียและน้ำท่วมในอินเดีย นอกจากนี้ยังเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อระบบสาธารณสุขทั่วภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมากกว่า 10 ประเทศ ซึ่งไล่ไปตั้งแต่มัลดีฟส์ถึงจีน ประชุมร่วมกันในประเทศมาเลเซีย เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ที่ประเทศเหล่านี้ประสบ ซึ่งม่สาเหตุมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยพวกเขาหารือแนวทางทำงานร่วมกันเพื่อลดผลกระทบในภูมิภาค ซึ่งคาดว่าภัยธรรมชาติจะรุณแรงและมีโรคระบาด เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และโรคระบาดที่เกิดจากยุงและโรคติดต่อทางน้ำ
องค์การอนามัยโลกหรือฮู ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก ได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปกว่า 1 ล้านคน ทั้งทางตรงและทางอ้อมตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นในเอเซีย - แปซิฟิก ภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ได้รวมถึงการตางที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกประมาณ 800,000 คนในแต่ละปี
บรรดานักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ภัยแล้งจะทำให้พืชผลทางการเกษตรลดน้อยลง และขาดแคลนอาหารจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นในหลายพื้นที่ พายุฝุ่นและไฟป่าจะส่งผลให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและน้ำท่วมจากพายุที่รุนแรงจะเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำตาย การบาดเจ็บและโรคระบาด เช่น โรคท้องร่วง การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกอาจนำไปสู่การเกิดของพืชทะเลจำพวกเห็ดราที่เป็นอันตรายมากขึ้น ซึ่งสามรถทำให้คนป่วยเมื่อกินกุ่ง หอย ปู ได้
ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลที่เป็นที่ราบต่ำ จะเผชิญหน้ากับพายุ น้ำท่วมมากขึ้น และการทะลักของน้ำเค็มเข้าไปในแหล่งน้ำจึด ที่สำคัญต่อการใช้อุปโภคบริโภค ประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียและแอฟริกาคาดว่าจะได้รับความทุกข์ยากที่สุด

1 ความคิดเห็น: